ความร้อนของกรุงเทพในช่วงนี้ ทำให้พวกเราต้องหนีร้อนไปเข้าป่า เอาตัวเองมาอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ที่ๆ 3G มาเป็นพักๆ ให้สมองได้พักผ่อนจากความวุ่นวาย และได้แช่ตัวในลุ่มแม่น้ำแคว ที่ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ กาญจนบุรี นั่นเอง ใช้เวลาขับรถมา 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว เหมือนไปหัวหินแหละ จริงๆแล้วกาญจนบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไปยังไงก็ไม่หมด แต่รีวิวนี้จะเป็น กาญจนบุรีในแบบของพวกเรา ที่มีคาเฟ่, Hintok River Camp (รีสอร์ทที่ไปพัก ไฮไลท์ของงานนี้) Giant Rain Tree, น้ำตกเอราวัณ, ช่องเขาขาด และ Safari Park เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นติดตามได้ในรีวิวนี้เลยครับ
ข้อมูลที่พัก Facebook Page: https://www.facebook.com/hintokrivercamp/
Website: https://www.hintokrivercamp.com/
More picture on IG: @Oattsu / @Oatnarongrit
FarmCafé
เราออกจากกรุงเทพสายๆ มาถึงกาญก็เที่ยงแล้วเลยแวะทานข้าว ดื่มกาแฟที่ ฟาร์มคาเฟ่ เห็นว่าเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ และปลูกผักเอง คอนเซปน่าสนใจ
มองจากหน้าร้านคิดว่าจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ที่ไหนได้มีด้านในอีกเราเลยเลือกนั่งด้านใน ร้านสวยใช้ได้เลย
สั่งสลัดโรล มาทานเล่น ระหว่างรออาหาร ดิปของที่นี่เป็นครีมซีฟู๊ด อร่อยเลยครับ
ลาเต้ร้อน ตอนบ่ายๆ
แกงเขียวหวานไก่
ข้าวผัดน้ำพริก หน้าตาสวยงาม
ตกแต่งร้านน่ารักดี
ก่อนกลับซื้อไอศครีมมาทานบนรถ ดับร้อนซะหน่อย
บริเวณหน้าร้าน
Giant Rain Tree
หรือต้นจามจุรียักษ์ ต้นใหญ่มากกกก และสวยมากจริงๆ มีคนแวะเวียนกันมาถ่ายรูปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่ากี่คนโอบ
ใต้ร่มจามจุรี
Hintok River Camp
ที่พักของเราในทริปนี้ครับ พวกเราชอบที่นี่มาก เพราะเหมือนได้ตั้งแคมป์ อยู่กลางป่า นอนในเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ไม่ได้ลำบากเหมือนตอนเข้าค่ายลูกเสือนะครับ เพราะเป็นเต็นท์ติดแอร์ สะอาด สะดวก สบายมาก และในตอนเย็นก็มีบุฟเฟ่ต์อาหารเย็นรวมถึงบาบีคิว รอบกองไฟ แถมยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย อยู่ที่นี่ไม่ต้องออกไปไหนเลย
บริเวณแคมป์ร่มรื่น เขียวชะอุ่ม เราพยายามสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เพื่อเก็บออกซิเจนเข้าปอดให้ได้เยอะที่สุด
ภายในเต็นท์ ตกแต่งสวยงาม มีหน้าต่างผ้าใบเปิดได้ แต่เราเปิดแอร์ เลยต้องปิดก่อน เวลาจะเข้าห้องน้ำก็รูดซิปข้างๆตู้เสื้อผ้า ก็จะถึงห้องน้ำ
มีหีบ และตู้เย็น
เดินเข้ามาห้องน้ำจะเจออ่างล้างหน้าก่อนแล้วแยก เป็นห้องอาบนำ้และห้องส้วม ห้องส้วม 3G แรงมาก 555 เวลาจะโพสรูปต้องเดินเข้าห้องส่วมแหละ เป็นทริคของโอ๊ตณรงค์
ห้องน้ำทำจากไม้ไผ่ แต่ไม่ต้องกลัวมีคนแอบดู เพราะเค้าทำมิดชิดมาก เปิดแค่ด้านบน ยังทำให้รู้สึกว่าอาบน้ำแบบ outdoor อยู่ ฟีลทาร์ซานกับเจนเบาๆ
ไฟในห้องน้ำน่ารักดี
พอเราเก็บของเสร็จก็เดินสำรวจรอบๆแคมป์ ดูเต็นท์แต่ละหลัง ต้นไม้หน้าเต็นท์ต่างกันน่ารักดี ถ้าใครมาแนะนำให้แต่งตัวตามธีมจะถ่ายรูปสวยมาก อารมณ์อินเดียน่าโจนส์
ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย แต่เป็นสระที่สร้างขึ้นเพื่อกักน้ำที่ไหลมาจากธรรมชาติไว้ บอกแล้วว่าใกล้ชิดธรรมชาติจริงๆ
ข้างๆสระน้ำมี บาร์ให้ได้ชิล
เดินเลยสระน้ำและบาร์มาหน่อยก็ถึงท่าน้ำ
เอาตัวไปอยู่ข้างๆน้ำ สบายใจดี
หลัง 5 โมงเค้าจะงดกิจกรรมทางน้ำทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย เพราะน้ำค่อนข้างเชี่ยว และลึกมาก
บรรยากาศยามเย็นบริเวณท่าน้ำ อยากให้ลองไปอยู่ตรงนั้นดู แล้วจะรู้ว่าสุขใจเพียงใด
บรรยากาศยามเย็นบริเวณท่าน้ำ อยากให้ลองไปอยู่ตรงนั้นดู แล้วจะรู้ว่าสุขใจเพียงใด
ท้องฟ้าเริ่มมืดก็ถึงเวลาอาหารเย็น อาหารเย็นที่นี่จะเริ่มตอน 1 ทุ่มครับ โต๊ะอาหารถูกจัดรอไว้สำหรับแขกทุกคน ให้ได้เลือกนั่งตามใจชอบ
มาเข้าแคมป์แบบนี้ก็ต้องทานบาบีคิวสิ แต่เค้าไม่ได้มีบาร์บีคิวอย่างเดียวนะครับ เป็นบุฟเฟต์อาหารไทย มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง เช่นมัสมั่นไก่ ส้มตำ ผัดไทย สเต็กไก่ สเต็กหมู บาร์บีคิว หมู ไก่ เนื้อ ของหวานเป็นกล้วยบวชชี
บรรยากาศภายในแคมป์ยามเย็น
ยิ่งมืดยิ่งบรรยากาศดี สงบมาก
ใครมาที่นี่อย่าลืมพก มาชเมลโล่ มาปิ้งด้วยนะครับ เราเห็นเด็กๆเค้าเอาไปปิ้งเล่นกันสนุกดี
เช้านี้เราตื่นมาพร้อมกับเสียงนกร้อง ที่คอยปลุกเราแทนเสียงนาฬิกาปลุก แล้วรีบไปทานอาหารเช้าเพื่อจะไปปั่นจักรยานรอบๆ แคมป์ต่อ
ปั่นจักรยานออกมาจากแคมป์ไม่ไกล ก็จะเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำ
วิถีชีวิตของชาวบ้านแถวนั้นครับ พึ่งเคยเห็นวิธีการทำก็คราวนี้แหละ เรานั่งดูคุณป้าทำสักพัก ก็เพลินดี
HellFire Pass Railway
หรือช่องเขาขาด อยู่ไม่ไกลจาก Hintok River Camp เลยครับ เรามาเดินช่วงเช้าๆไม่ร้อนมาก เป็นเส้นทางสายประวิติศาสตร์ ที่น่าเศร้า เพราะเชลยศึกต้องเสียชีวิตกับเส้นทางสายนี้เป็นจำนวนมาก เพราะต้องเร่งการสร้าง ทำทั้งวันทั้งคืน จนร่างกายไม่ไหว
สมัยก่อนเคยเป็นทางรถไฟจากไทยไปถึงพม่า
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น แนะนำให้ไปวันธรรมดาครับ คนจะไม่เยอะมาก จะได้เล่นน้ำตกอย่างสบายใจ เพราะน้ำเย็นและสวยมากจริงๆ
ชั้น 7 ของน้ำตกเอราวัณ
Safari Park
เรามาที่นี่เพื่อน้องยีราฟเลย สัตว์ที่เราชอบมากที่สุด และก็เป็นไฮไลท์ของที่นี่ด้วย เพราะเราจะได้นั่งรถบัสเข้าไป ดูสัตว์อย่างใกล้ชิด พอถึงกรงยีราฟ น้องก็เอาหัวเข้ามาในรถมาหาอารหารที่นักท่องเที่ยวเตรียมมาครับ
ทุกคนแตกตื่นวิ่งหนีใหญ่เลย ตลกดี
ไม่ต้องกลัวน้องนะครับ น้องไม่ทำอะไร
น้องน่ารักมากจริง
อยากขี่
ในกรงเดียวกันกับยีราฟก็มีม้าลาย
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
แลนด์มาร์คของกาญจนบุรี เส้นทางสายประวิติศาสตร์ พวกเราแวะมาทานอาหารกันแถวๆนี้ครับ
คีรีธารา
ร้านอาหารไทยใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว อาหารอร่อย เราชอบห่อหมกมะพร้าวอ่อนมาก
เดินเล่นดูตลาดก่อนกลับ