เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยสีสัน และกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าแก่ เป็นเมืองที่ UNESCO ยกให้เป็นเมือง มรดกโลกอีกเมืองหนึ่ง แต่เราสองคนยกให้เป็นเมืองที่น่ารัก ชอบเวลาที่แสงแดดสาดลงมาเล่นเงา กับสี พาสเทล ตามซอกมุมของตึกเก่าสไตล์โคโลเนียล มันดูมีเสน่ห์มากๆ
พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นั่นกัน 3 วัน 2 คืน ยังรู้สึกน้อยไปนิดสำหรับทริปนี้ เพราะที่นั่นถึงแม้จะเป็นเมือง เล็กๆ แต่ซ่อนไปด้วยคาเฟ่น่ารักๆ ร้านอาหารจีน อินเดีย มีตึกสวยๆให้เดินเล่นถ่ายรูปกันได้ทั้งเมือง แถมตอนกลางคืนยังมีบาร์ลับหลายแห่ง และอาหารสตรีทฟู้ดให้ได้ไปฮ้อปกันสนุกๆ ถ้าไป 4 วัน 3 คืน น่าจะกำลังดี ตอนบ่ายๆ จะได้มีเวลานอนเล่นริมสระว่ายน้ำที่โรงแรมให้นานกว่านี้ การไปใช้ชีวิตช้าๆ คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา เย่
ดูรีวิวนี้จบกันแล้ว หวังว่าใครหลายคนคงจะเริ่มมองหา เสื้อลินิน กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ เตรียม ตัว ไปเมืองแห่งฤดูร้อนนี้ กันบ้างแหละ แต่สำหรับพวกเราแล้ว ฤดูร้อนนั้นฉันไม่เคยลืม
แล้วพบกันใหม่ จอร์จทาวน์
OATS NOTES:
– การเดินทางที่นั่นสะดวกสบายมากและถูกมากๆ เราใช้ Grab Taxi กันตลอดการเดินทาง ตั้งแต่สนาม
บินกันเลย
- Sim card เราไปซื้อที่สนามบิน ราคาถูกมาก แต่ต้องดูค่ายดีดีนะ เพราะที่เราซื้อคือเน็ทช้า แต่ถ้าจะ ให้ดี ซื้อ sim2fly ไปสะดวกสุด
– เราใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Citi Rewards ในหมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว ทั้งจองโรงแรม ใช้จ่าย ในร้านอาหาร หรือแม้กระทั้งใช้ตัดผ่านบัตรตอนใช้ Grab เรียกได้ว่าทั้งทริป จะได้รับคะแนนสะสม ตั้ง 5 เท่าแหน่ะ คะแนนสะสมพุ่งกระฉูดไปเลย คุ้มมากๆ ใครที่สนใจพวกเรามีโปรโมชั่นสมัครบัตร เครดิตซิตี้มาฝากหลายๆคนที่อยากมีบัตรเครดิตไว้ใช้เที่ยวด้วย
#เที่ยวฟินกินคุ้มกับบัตรซิตี้ #ทุกทริปต้องจัดด้วยบัตรซิตี้ #โปรโมชั่นบัตรเครดิตซิตี้
ทั้งเมืองเป็นตึกเก่าสไตล์โคโลเนียลหมดเลย สีน่ารักมาก
ทะเลตอนกลางวันสีสวย
เป็นเมืองที่มีคาเฟ่คูลๆ ส่วนอยู่เยอะเหมือนกัน
ถ้าใครสนใจสมัครบัตรเครดิต Citi รีบเลยน้า ตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่นพิ เศษ แค่สมัครผ่าน link นี้ก็รับไปเลย ของกำนัลจากการสมัครผ่านช่อง ทางออนไลน์ แล้วยังได้รับเครดิตเงินคืนตั้ง 500 บาทแหนะ เป็น limited offer ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2561 เท่านั้นนะลองคลิ๊กเข้าไปกรอก และอ่านรายละเอียดก่อนเลยhttps://www.citibank.co.th/th/forms/apply-credit-card-blogger-referral.htm?ecid=MGMGI0197
Museum Hotel
พวกเราไปพักที่นี่กันคืนแรกเพราะจะจอง Eastern & Oriental แล้วห้องเต็ม พอเห็นที่นี่ก็น่าสนใจเลยลองจองดูปรกฏว่า ห้องกว้างมากกก 80 ตารางมั้ง มีลู่วิ่งกับดัมเบลในห้องด้วย ห้องน้ำมีอ่างจากุซซี่อีก แต่ข้อเสียที่ไม่ชอบคือเป็นพื้นไม้ เวลาเดินแล้วมีเสียง กับเตียง เวลาพลิกตัวแล้วเสียงดังเอี๊ยดๆ
rooftop ของโรงแรมสวยดี
Awesome canteen
เป็นร้านแรกในปีนังที่ไปเลย ที่นี่คูลมาก ใช้โครงสร้างตึกเก่าเอามาทำเป็นคาเฟ่ แบบดิบๆ ธรรมชาติ เป็นร้านที่เราชอบที่สุดในปีนังเลยมั๊ง
ด้านบนมีห้องพัก ด้วย ตอนแรกว่าจะนอนที่นี่คืนแรก แต่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่เลยขอบาย มาทานแค่กาแฟแล้วกัน
China house
อยุ่ฝั่งตรงข้าม Awesome canteen เลยเค้าบอกว่าเป็นคาเฟ่ที่ยาวที่สุดในปีนัง แบบเป็นตึกทะลุหากันหลายตึกเลย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กอร่อย ใครมาปีนังก็ต้องมาทานเค้กที่นี่ แนะนำให้ไปเช้าๆ เพราะคนเยอะมากจริงๆ
ในร้านมีหลายโซนเลย ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และ Gallery
ด้านบนเป็น Gallery โชว์งานศิลปะเบาๆ และมีร้านขายหนังสือกับของที่ระลึกด้วย
เดินออกมาจาก China house จะเจอกับร้านขายเสื้อผ้า และของจุ๊กจิ๊กแบบ multi brand อารมณ์มินิมอล คลีนๆ ลินินๆเข้ากับอากาศของปีนังมาก ใครเตรียมชุดมาไม่พอก็แวะที่นี่เป็น stop แรกแลย
เสื้อผ้าส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิงเยอะมากๆ แต่ของผู้ชายก็มีนะ ดีเลย
Georgetown street art
มาจอร์จทาวน์แล้วก็ต้องมาเดินดูสตรีทอาร์ต จริงๆแล้วเค้ามีภาพวาดตามพนังทั้งเมืองเลย แต่จะมีถนนเส้นนึงที่มีเยอะเป็นพิเศษ แบบเดินถ่ายรูปตามเก็บไปเรื่อยๆก็สนุกดี
ภาพนี้แบบต้องต่อคิวรอถ่ายเลยอะ เป็น landmark เลย
มีของทานเล่นตลอดทาง
รถนี้น่ารักดี ขี้เกียจเดินก็นั่งให้เค้าปั่นพาไปคิ้วๆ
Ome by Spacebar
ร้านนี้กาแฟดี หน้าร้านก็น่ารักดีเดินมาไม่ไกลจากสตรีทอาร์ต เป็นร้านเล็กๆที่ด้านบนเป็นแกลลอรี่ เราชอบถนนในซอยนี้มากแบบเป็นตึกโคโลเนียล แล้วเป็นทางโค้งอะสวยดี ในซอยก็มีร้านชาต่างๆ
ชอบจอร์จทาวน์มากเพราะตึกเนี่ยแหละที่เค้ายังอนุรักษณ์ไว้ เหมือนเราย้อนยุคไปในอดีตเลย ทุกอย่างคือเหมือนในฉากหนังจีนโบราณ
Sixth Sense สาขาใหม่ ใกล้ๆกับตึกสีเหลืองรูปที่แล้ว
สาขานี้ก็สวยมาก สเปสดีมาก เราชอบสาขานี้มากกว่า มีเสื้อผ้าผู้ชายเยอะด้วย ของที่เลือกมาวางขายมีหลากหลาย มีแบรนด์ของคนไทยด้วยนะ ของแต่งบ้านก็มี
Rabbit x Hold up
คาเฟ่เล็กๆ ที่เราตั้งใจมาทานไอศครีมชาเขียว 555 แต่จริงๆแล้วที่นี่มีกิมมิคที่ ตู้เย็นสีส้มในร้านเปิดประตูเข้าไปแล้วข้างในเป็นบาร์ กลางวันก็เป็นเป็นคาเฟ่ กลางคืนก็เปลี่ยนเป็นบาร์
เปิดเข้าไปแล้วเป็นอีกร้านนึงเลย มีความ hidden bar
ชอบความเป็นธรรมชาติของทุกอย่างที่จอร์จทาวน์
Taitong restaurant
เป็นร้านติ่มซำแบบออริจิเลย คน local เต็มร้านเลย ไปนั่งแล้วเค้าจะเอาเมนูมาให้สั่ง แล้วมีรถเข็น เข็นติ่มซำต่างๆมาให้เราเลือกอีก เราไปที่นั่นกันสองรอบอะ แต่จะบอกว่าลองสั่งจานเล็กมาทานกันก่อนนะเพราะจานเล็กของเค้าก็คือเยอะมากๆแล้วอะ ระวังทานไม่หมด
ติ่มซำต่างๆ
Le
ร้านนี้ตอนกลางวันเป็นคาเฟ่และตอนกลางคืนก็เป็นบาร์ ตอนกลางวันหน้าร้านน่ารักดี ตอนกลางคืนก็ให้อีกอารมณ์นึงไปเลย เราไปลอง cocktail ที่นั่นแต่ เราว่ามันเบามาก ใครไม่ถนัดดื่มแรงๆ ก็ลองแวะไปดู เป็นเมนู cocktail แบบวัยใส เรามาที่นี่ก่อนที่จะ hop ไปที่อื่นอะ
ในร้านคือแดงไปเลย
Magazine 63 Penang
เป็น hidden bar มากใครจะรู้ว่าหลังประตูนี้จะเป็นอีกโลกนึงไปเลย ขนาดเดินตาม map ไปแล้วยังคิดว่ามาผิดที่เลยแต่ดีที่มีคนชี้ๆให้เข้าไป
เข้ามาข้างในเป็นแบบนี้อะ แล้วเปิดเพลงดีเลย อารมณ์โรงเตี๊ยมจีนมาก ถ้าจะมาวันหยุดแนะนำให้โทรไปจองก่อนเพราะคนเยอะมากๆ
หลังจากที่ hop ไปหลายๆบาร์แล้วก็มาจบวันกันที่นี่ เป็นร้านขายส่งเบียร์แถว ซอย Lovelane ตอนไปถึงคือตกใจมากมีคนนั่งเก้าอี้พลาสติกอยู่เต็มซอยเลยอะ แบบเดินเข้าไปซื้อเบียร์แล้วออกมานั่งกันเต็ม คนลุกนั่งสลับกันเป็นเก้าอี้ดนตรีไปเลย ชิลดี มาที่นี่คือจบ เบียร์ถูก และหลากหลาย
เช้าวันต่อมาเรารีบมาเช็คอินที่ Eastern & Oriental เป็นโรงแรมที่ oattsu เคยมาพักแล้วชอบมากๆ แบบเรียบๆคลาสสิก มาคราวนี้ก็ต้องเป็นที่นี่เท่านั้น วันนี้มีแพลนที่จะอยู่แต่ในโรงแรมอย่างเดียว เดินถ่ายรูปเล่น ทำสปา ว่ายน้ำ และดินเนอร์ที่โรงแรมเลย
ประตูหมุนสวย มากี่รอบก็ถ่ายทุกรอบ
วิวร้านอาหาร
ลิฟต์โบราณ
ห้องนอนสีดีเนอะ มองออกไปก็เห็นวิวทะเล แนะนำให้พักที่นี่อย่างน้อยสองคืนใช้เวลาในโรงแรมบ้าง มันดีมากๆ ชอบทุกอย่างที่นี่เลย
และที่พลาดไม่ได้เลยถ้าใครมาพักที่นี่แล้วเราแนะนำให้นวด ที่ PAÑPURI Organic Spa เป็นสปาที่ดีที่สุดในปีนังเลยนะ ห้องนวดแบบมองเห็นวิวทะเลไปเลย เราชอบที่พนักงานเค้าใส่ใจดูแลเราแบบดีมากที่สุด คอยถามตลอดเวลาว่าสบายไหม นวดแรงไปไหม จะทำอะไรก็ขออนุญาติก่อน แบบปรนนิบัติขั้นสุด แล้ววิธีการนวดที่เรารู้สึกว่ายังไม่เคยมีที่ไหนทำได้ขนาดนี้อะ ตอนนี้คือเป็นที่ 1 ในใจยังไม่มีใครทำลายสถิติ ใครอยากไปลองลองสาขาในกรุงเทพก่อนได้ มาตรฐานเดียวกัน
ก่อนนวดก็ล้างเท้าก่อนด้วยสมุนไพรต่างๆ ตามแบบฉบับของปัญญ์ปุริ คือทุกอย่างที่มาถูกตัวเราจะเป็นออร์แกนิคหมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว รองเท้าที่ใส่เดินในห้อง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้
วิวดีมากๆ
จบทรีตเมนท์ด้วยผลไม่อบแห้งออร์แกนิค และชาร้อน
อยู่ที่สระว่ายน้ำบ่ายๆจนถึงเย็นเลย
พระอาทิตย์ตกที่ปีนังวันนั้นสวยมาก
เช้าวันใหม่ที่สดใส
รอบๆโรงแรม
Luna bar coffee
ร้านนี้เรานั่ง Grab จากโรงแรมมาไม่นานก็ถึง เป็นคาเฟ่เงียบๆอยู่ในหมู่บ้าน ในร้านปลูกต้นไม่เยอะมาก พนักงานเฟลนลี่ เป็นอีก 1 ร้านในปีนังที่ชอบมากๆ
แสงดีเนอะ
Bean sprout cafe
เป็นร้านกาแฟและอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่ใครมาปีนังก็ต้องมา อยู่ใกล้ๆร้านเบียร์ขายส่งที่เรามากันเทื่อคืนนั่นแหละ





Penang sunday market อยู่ที่ HIN Bus Depot
อยู่ข้างๆร้าน Le เป็นตลาดวันอาทิตย์ ตอนเราไปเค้าขายของแฮนด์เมด ต่างๆ มีหลายอย่างเลย น่ารักดี




Toh Soon Cafe
เช้าวันสุดท้ายที่ปีนังเราแวะมาทานอาหารเช้าและกาแฟแบบง่ายๆกันที่นี่ เป็นกาแฟโบราณแบบอากงอาม่าชงอะ ทานกับขนมปังและไข่ลวก ร้านนี้คนเยอะมาก

Min Xing Tai Pastry shop
เรามาลองทานทาร์ตไข่แบบปีนังกันที่นี่ มันจะต่างจากที่มาเก๊านะ ที่นี่จะไม่หวานมากและเนื้อนวลๆก็อร่อยไปอีกแบบ ทานคู่กับชาก็เข้ากันดี




Beach street
ถนนเส้นนี้ในปีนังก็สวยอีกแบบ เหมือนดาวทาวน์ต่างจังหวัดในอเมริกา คือเหมือนฉากในหนังอีกแล้วอะ





Fuku Eatery & Dessert
เรามาหาอาหารทานกันที่นี่ พอเข้าไปในร้านคือว้าวเหมือนกัน เป็นร้านของหนังสือ เครื่องเขียน ของจุกจิกต่างๆแบบ select มาเราว่าของที่เค้าเลือกมาวางในร้านคือดีเลย










