Aarhus
ทุกคนนนน เรากลับมาเล่าทริปสแกนดิเนเวียของพวกเรากันต่อ Aarhus หรือ ออร์ฮูส เป็นเมืองที่ 3 แล้วที่พวกเราแวะมา หลังจาก Stockholm และ Copenhagen เมืองนี้ยังคงอยู่ใน Denmark อยู่ พวกเรานั่งรถไฟจาก Copenhagen Central station มาลง Aarhus central station ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นิดๆ และค้างที่นี่กัน 1 คืน
ตอนแรกพวกเราเกือบจะตัดเมืองนี้ออกจากทริปแล้ว เพราะเป็นเมืองเล็กๆที่ดูไม่ค่อยมีอะไร (จริงๆคือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของ เดนมาร์ค) แต่โชคดีมากที่ไม่ตัด เพราะเราอยากมามิวเซียมในเมืองนี้มากๆ ถึงจะเป็นทางผ่าน ที่เราจะไปขึ้นเรือไปต่อ แต่แวะมาพักสัก 1 วัน 1 คืนก็คุ้มค่ามากๆ สรุปแล้วคือหลงรักเมืองนี้ไปเลย เป็นเมืองเงียบๆ สงบ บ้านเรือนน่ารัก แต่ก็มีห้างสรรพสินค้าให้ช้อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของแต่งบ้านได้
ถ้าใครทำทริปสแกนดิเนเวียอยู่ แนะนำเมืองนี้เลย ยังไงต้องแวะมาให้ได้นะ เมืองนี้น่ารักและละมุนมากจริงๆ
OATS notes:
– แนะนำให้พักอยู่ใกล้สถานี Aarhus central station เลย จะได้ง่ายเพราะอยู่เมืองนี้แปปเดียว
– การเดินทางในเมืองนี้เราใช้วิธีเดิน เพราะเมืองเล็ก ที่ที่เราจะไปอยู่ไม่ไกลกันมาก เดินชมเมืองถ่ายรูปสวยๆตลอดทาง ใครเดินไม่เก่งก็อาจจะแทคซี่เลย
เราว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน และความอบอุ่น มีเสื้อผ้าของแต่งบ้าน ร้านอาหาร รวมถึงคาเฟ่ ไม่แพ้กับเมืองใหญ่ๆเลย เรารู้มาว่าเมืองนี้จริงๆแล้วเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเดนมาร์คเลย แต่เรารู้สึกว่ามันเล็กนิดเดียว เพราะในย่านดาวทาว ในที่แต่ละที่ที่เราลิสไว้ คือสามารถเดินถึงกันหมด
Reform
เป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่เราตามมานาน ได้มีโอกาสมาดูก็ชื่นใจ แสงดีไปหมด ที่นี่มีขายกาแฟ La cabra ด้วยเป็นกาแฟชื่อดังของเมืองนี้เลย คอกาแฟน่าจะรู้จักกันนะ และที่นี่มาง่ายมาก เพราะอยู่ตรงสถานี Aarhus เลย
โอ๊ตซึชอบกาแฟที่นี่มาก แต่โอ๊ตณรงค์ผู้ไม่ดื่มกาแฟ เค้าก็มี hot chocolate เสิร์ฟนะ
แสงตอนสายๆสาดเข้าหน้าต่างมาดีมาก อยากจะยกเฟอร์กลับทั้งเซ็ทเลย
เป็นแบบโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ผสมคาเฟ่ ได้มาดื่มกาแฟดีดี ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบนี่มันรู้สึกดีมากๆ
พอดื่มกาแฟเสร็จพวกเราก็รีบเดินตรงดิ่งไปมิวเซียมที่ตั้งใจไว้ว่าต้องมาให้ได้ ซึ่งตึกก็เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้เลย
Aros Aarhus Art Museum
ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของเมืองก็เกือบจะเห็นตึกนี้ในทุกๆที่เลย เป็นมิวเซียมที่เราลิสไว้ว่าต้องมาให้ได้ พอมาแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
งานที่นี่มีหลายแบบทั้งภาพวาดและ installation art เราชอบทุกห้องทุกงานเลย
งานนี้ชื่อ Far from home เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยเห็นงานนี้ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย พอเราได้มาดูจริงๆแล้วมันน่าทึ่งมาก ที่ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนรอบๆ รอบจะเห็นความรู้สึกของเด็กคนนี้ผ่านทางสายตา แบบรู้สึกได้จริงๆ
พอเราเดินขึ้นมาเรื่อยๆ ผ่านงานต่างๆมาก็มาเจอกับ ทางเดินสายรุ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของมิวเซียมนี้ ข้างบนคือดีมากๆ
เราเดินดูเมืองจากด้านบนผ่านกระจกสีรุ้งที่จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆเมื่อเราเดินผ่าน มันเป็นเมจิกโมเมนท์มากๆ เดินแล้วใจเต้น มันสวยมากๆ ทุกคนควรมา
งานนี้ก็ดีเราจำชื่องานไม่ได้ แต่เค้าจะให้เราเดินตามลูกบอลตั้งแต่จุดเริ่มต้น ผ่านไปยังห้องต่างๆแล่วสุดท้ายลูกบอลก็กลับมาที่เดิม เป็นงานที่เด็กดูก็สนุก ผู้ใหญ่ก็รู้สึกดี แบบให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน เด็กๆวิ่งกันสนุกเลยห้องนี้
Jumbo Baking & Eatery
พวกเราแวะมาทานอาหารเช้าง่ายๆกันที่นี่ อาจจะมีเมนูไม่เยอะมากนัก แต่บรรยากาศดีเลย วอร์มๆ อยู่ติดริมน้ำ
อาหารเช้าแบบง่ายๆของชาว scandinavia
เอาจริงๆแล้ว Aarhus เดินถ่ายรูปเล่นได้ทั้งเมืองตึกสีน่ารักไปหมด
เราไปปี 2019 นะ
La cabra coffee roasters
กาแฟที่เราบอกว่าขึ้นชื่อของที่นี่ ร้านนี้เป็นสาขาใหญ่ ที่คนแน่นร้านตลอดเวลา วันที่ไปอากาสดีคนก็นั่งฝั่งตรงข้ามร้านที่เป็นเนินหญ้า ชิลมากๆ แถวๆนั้นก็ยังมีร้านอาหารหลายร้าน เมืองน่ารัก ลองเดินเล่นดูครับ
Balsalen
ร้านขายของ selected ต่างๆ ที่ถ้าคนชอบงานแฮนเมด ผ้าลินิน ของใช้ในบ้านตระกร้าสาน ต้องมา ร้านน่ารัก มู้ดดีมาก
Salling Aarhus
เป็นห้างสรรพสินค้า แต่ความดีของตึกนี้ คือต้องเดินขึ้นมา rooftop ด้านบน เป็นร้านอาหาร และมีทางเดินกระจกยื่นออกไปนอกตัวตึก วิวสวยมาก
Mof
ร้านนี้เราเดินเจอโดยบังเอิญ เห็นเค้าได้ Michelin guide ติดต่อกันหลายปีมาก เราเลยเดินเข้าไปจองมาทานดินเนอร์ แต่บอกว่าต้องจองก่อนจริงๆเพราะ คนแน่นร้าน แล้วคนมาเรื่อยๆตามเวลาที่เค้าจองกันเลย
อาหารที่นี่รสชาติดีเลย ราคาไม่แรง pairing กับไวน์ยิ่งดีมากๆ เราให้เค้าแนะนำ เป็นไวน์ขาวออร์แกนิคของที่นั่น
แล้วเราก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง ครั้งนี้เราออกจาก Aarhus ไปขึ้นเรือที่ชายฝั่งเพื่อที่จะข้ามไป Norway อยากบอกว่าดีมากๆ นอนบนเรือ 1 คืน จะเป็นอย่างไรรอติดตามดูนะคร้าบ