Saga
พวกเราพูดกันว่า เราต้องกลับมาที่นี่(ซากะ) กันอีก ตั้งแต่ยังไม่จบทริปเลย ที่ Saga ทำให้เราหลงใหลในธรรมชาติ ความเรียบง่าย และผู้คนที่เป็นมิตร โดยไม่ต้องปรุงแต่งใดใดเลย ที่นี่เป็นเมืองที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผา ถ้วย จาน ชามเซรามิค ที่เราชอบอยู่แล้ว และอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์การพักเรียวกัง ครั้งแรกของพวกเราด้วยมั้ง ที่ทำให้เราหลงรักทริปนี้แบบประทับใจในทุกช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่นเลย
จากที่เราตั้งใจจะมาเมืองนี้ มาหาจานเซรามิคและมาดูงานของ Team Lab กัน เลยทำให้เรารู้จักกับเรียวกัง Onyado chikurintei ที่อยู่ในสวน Mifuneyama Rakuen ที่ที่จัดแสดงไฟของ Team Lab เราเลยตัดสินใจพักกันที่นั่นเพราะจะได้สะดวกหน่อย ไม่ต้องเดินทางตอนกลางคืน เลยเป็นการเปิดประสบการณ์การพักเรียวกังของพวกเราเป็นครั้งแรก และเป็นการพักผ่อน 2 วัน 1 คืน ที่เต็มอิ่มมากๆ เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะด้วยที่พักที่ดีมากๆ และการเดินดูไฟของ team Lab ในสวนตอนกลางคืน เวลาผ่านไปไว จนอยากจะหยุดเวลาไว้เลย
ถึงแม้งานของ Team Lab จะจบลงไปแล้ว เราก็ยังอยากแนะนำให้ทุกคนไปให้ได้นะ ไปลองพักที่ Onyado chikurintei และขับรถแวะตามที่ต่างๆใน Saga ดู อยู่ห่างจาก Fukuoka มาแค่ 1.30 ชั่วโมงเอง ต้องไปให้ได้นะ ส่วนพวกเราจะกลับไปอีกอย่างแน่นอน
พวกเรานั่งเครื่องมาลง Fukuoka ก่อนแล้วเช่ารถขับไป Saga ใช้เวลาแค่ 1.30 ชั่วโมงก็มาถึง Saga แล้ว check in ที่ Onyado chikurintei ในแบบเรียบง่าย แล้วเค้าจะมีเหมือน butler ประจำห้องเรา คอยเอา welcome drink อาหารเย็น อาหารเช้า มาเสิร์ฟ รวมถึงปูที่นอน เก็บที่นอนให้เราตามเวลาที่เราแจ้งเค้าไว้ตั้งแต่ตอนเช็คอิน
ห้องที่นี่มีหลายรูปแบบมาก ต้องจองในเว็บเค้าเลย แล้วเค้าจะส่งอีเมล์มาคอนเฟิร์ม แล้วค่อยไปจ่ายเงินตอนเช็คเอ้า ง่ายมากๆ ห้องที่เราพักมีไพรเวทออนเซ็นด้วย และในโรงแรมเค้าก็มีออนเซ็นส่วนกลางที่เราสามารถไปใช้ได้ทั้งสองโรงแรมที่อยู่ในสวน Mifuneyama Rakuen เลย อยากบอกว่าออนเซ็นที่ โรงแรม Mifuneyama Rakuen คือดีมากๆ
ออนเซ็นในห้อง แช่น้ำตอนเช้าเป็นแบบนี้
เค้ามีกล้องส่องนก กับหนังสือบอกชนิดนกต่างๆให้ดูด้วย สนุกดี
ที่โรงแรมมีห้องนั่งเล่นส่วนกลางที่เสิร์ฟ Umeshu, asahi beer และกาแฟ ให้เราดื่มตลอดทั้งวัน อยู่ตรงทางเดินไปออนเซ็นเลย แช่ออนเซ็นเสร็จขึ้นมาดื่มสบาย เรื่องราวดีดีมาก
จากที่พักเดินออกไปเดินเล่นในสวน Mifuneyama Rakuen ได้เลย อากาศดีมาก
RITMUS
เราขับรถออกมาจากโรงแรมมาซื้อกาดินเผาที่นี่ เค้ามีเครื่องดินเผาจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังของญี่ปุ่นมารวบรวมไว้ สวยๆทั้งนั้น แต่ราคาก็ตามความเป็นมาสเตอร์พีส
ร้านสวยมาก ตอนแรกเค้าห้ามถ่ายรูป แต่พอเราซื้อของเค้า ก็จะอนุญาติให้ถ่ายรูปได้
Bowl
พวกเราขับรถมาแวะที่นี่ต่อ เป็นร้านที่ Selected ของต่างๆจากทั่วโลก ทั้งของใช้ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า และอาหารแห้ง ต่างๆ ซื้อสนุกกันเลย
ร้านนี้เราตั้งใจขับรถขึ้นเขามาหน่อย จะมาทานอาหารกัน แต่เหมือนเค้าไม่ได้ขายอาหารแล้ว เลยได้ดูแต่ดูจานดินเผา
Touringama
เดินเลยร้านที่แล้วมาหน่อยจะเจอคาเฟ่เล็กๆที่อยู่บนเนิน เป็นคาเฟ่แบบเรียบง่ายที่เมื่อมีแขกมา คุณป้าเค้าก็จะเดินเข้าไปในครัวไปทำกาแฟ ยกขนมมาเสิร์ฟ
กาแฟดำ กับชีสเค้กโฮมเมด ที่คุนป้าบอกว่าทำเอง ทานคู่กับผลไม้และแสงแดดตอนบ่ายในวันนั้น เหมือนอยู่ในฉากหนังที่กำลังเล่าเรื่องในความทรงจำอยุ่เลย
ในร้านก็ยังมีขายจานชามเซรามิคต่างๆ คุณป้าน่ารักมาก ชวนคุย และดูแลอย่างดี
หลังจากออกไปเที่ยวเล่นไม่ไกลจากโรงแรม ก่อนเวลาอาหารเย็นเรารีบกลับมาแช่ออนเซ็นแล้วเตรียมพร้อมสำหรับอาหารเย็นที่ Butler กำลังเตรียมไว้ให้
อาหารเย็นที่นี่เป็นแบบคอร์ส อาหารญี่ปุ่น ที่ตอนจองเค้าจะมีให้เราบอกว่าแพ้อะไรไหมหรือไม่ทานอะไร เค้าก็จะจัดแบบที่เราทานได้มาให้ ทุกอย่างถูกจัดมาอย่างปราณีต และพิถีพิถันในทุกส่วนประกอบเลย
เซ็ทเนื้อเป็นเซ็ทปกติที่เค้าจะเตรียมไว้ให้เรา เนื้อคือดีมาก
พอทานอาหารเย็นเสร็จก็ถึงเวลาที่เราจะออกไปเดินเล่นในสวน Mifuneyama Rakuen ที่จัดงาน Team Lab อยู่ เป็นการจัดแสงไฟ โปรเจคเตอร์ต่างๆ กับธรรมชาติ ที่เรารู้สึกว่ามันว้าวมากๆ เหมือนเดินอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ เดินขึ้นเขาหน่อย อากาศเย็นๆ ไปตามจุดต่างๆ เราใช้เวลาเดินกันประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ไม่เหนื่อยเลย เพราะตื่นเต้นตลอดทาง
เหมือนอยู่ในนิทาน
พอถึงเวลาที่เราบอกเค้าตั้งแต่ตอนเช็คอินว่าจะรับอาหารเช้ากี่โมง Butler ก็จะมาเคาะประตูและมาเก็บเตียงพร้อมกับเตรียมโต๊ะอาหารเช้าไว้ให้เราพร้อม
อาหารเช้าของญี่ปุ่นนี่น่ารักจัง ซุปเต้าหู้คือดีมากๆ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จไม่นานเราก็ check out แล้วขับรถกลับไป Fukuoka กัน แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าเรื่อง Fukuoka ให้ฟังในพาร์ทต่อไปนะครับ