South Italy Part I
ทริปอิตาลีเมื่อปลายปีที่แล้วเป็นการไปอิตาลีครั้งแรกของเราเลย ครั้งนี้เราไปแบบ Road trip ฮ้อปไปตามเมืองมรดกโลกต่างๆทางภาคใต้ของอิตาลีกัน เริ่มจากโรม และลงไปเรื่อยๆจนถึงล่างสุดของอิตาลี ใช้เวลาทั้งหมด 8 วัน กับ 4 แคว้น 10 เมือง เปลี่ยนรร. ทุกคืน ขนาดตม.ดู travel itinerary แล้วยังงงเลยว่ายูไปอะไรขนาดนี้ ก็เวลามันน้อยอะ เลยต้องไปให้ครบทุกที่ที่อยากเห็น มาทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้มเนอะ
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่เราเต็มอิ่มกับอิตาลีมากๆ ได้เห็นเมืองโบราณของอิตาลี ในหลายๆแบบในทริปเดียว ทุกเมืองมีเสน่ห์แตกต่างกันจนทำให้เราตกหลุมรักหลงอยู่ในภวังค์แห่งอิตาลีอยู่พักใหญ่ๆ พอได้รู้ประวัติศาสตร์ของแต่ละเมืองด้วยแล้วนั้นยิ่งทำให้อินเข้าไปใหญ่
ในพาร์ทแรกนี้จะเน้นวัง และเมืองโบราณ ส่วนในพาร์ทสองเริ่มลงไปใต้ให้ได้เห็นทะเล ใครจะตามไปใช้เวลาช่วงพักร้อนที่นั่นก็แนะนำมากๆ มีหลายเมืองที่เราแพลนไว้แล้วว่าต้องกลับไปซ้ำอย่างแน่นอน
OATS NOTES:
– ทริปนี้เราบิน Business ของการบินไทย บินตรง 11 ชั่วโมง 30 นาทีไปลง Rome เลย กินอิ่ม นอนหลับสบาย ตื่นมาเที่ยวต่อสดชื่นมาก
– ซื้อ Sim GO Inter ของ DTAC ที่สนามบินให้เค้า activated ให้เลย ถึงที่นู่นก็ใช้ได้เลย
– การเดินทางที่นู่น ใช้รถส่วนตัวทั้งหมด เลยจอดลงข้างทางถ่ายรูป และเปลี่ยนแพลนต่างๆตลอดทั้งทริป
ทริปนี้เราบินตรง Business ของการบินไทย ไปลงสนามบิน Rome เลย ระยะเวลาการเดินทาง 11 ชั่วโมง 30 นาที สะดวกมากตั้งแต่ขั้นตอนการเช็คอินที่รวดเร็วมากไม่เคยต้องรอคิว เช็คอินเสร็จก็มีตม.พิเศษสำหรับ business class ผ่านเข้าไปนั่งในเล้าจ์ได้อย่างรวดเร็ว พอขึ้นเครื่องปุ๊บก็เลือกอาหารเลยทั้งมื้อเย็นและเช้า ทานอาหารเย็นเสร็จคือนอนยาว ตื่นมาอีกทีก็อาหารเช้าเลย เต็มอิ่มมาก
แนะนำให้ไปถึงสนามบินก่อนเวลาบินนานๆ และจองนวดในเลาจ์ก่อนบินจะฟินมาก เลาจ์ของการบินไทยจะมีหลายเลาจ์นะ เราไปอันที่ใกล้เกทที่จะขึ้นเครื่องหน่อยคนจะน้อยและสงบกว่าตรงที่ผ่านตม. มาแล้วเจอเลย
การจองที่นั่งสำหรับเราถ้ามาเป็นคู่จะจองแถว E กับ F เพราะจะได้นั่งติดกันแบบชิดกันไม่มีอะไรกั้น ถ้าไปคนเดียวก็แถว A หรือ K เลยจะมีที่วางของกั้นระหว่างเรากับทางเดิน เลยทำให้รู้สึก Private หน่อย
เรื่องการบริการและอาหารคือดีมากๆ อยู่แล้ว แอร์มาถามตลอดว่าอยากได้อะไรเพิ่มไหม ประทับใจมาก
บิน Business ของการบินไทย บอกเลยว่าสบายต่างกัน
Villa Adriana
พอถึง Rome แล้วเราก็ตรงดิ่งไปที่เมือง Tivoli เลยอยู่ห่างจาก Rome ประมาณ 45 นาที เราไปถึง Villa Adriana สายๆหน่อย อากาศกำลังดีพอมีแสงแดดให้อุ่นขึ้นหน่อยเดินเล่นสบายๆ ที่นี่จะเป็น บ้านพักต่างอากาศ จริงๆคือเป็นวัง ของจักรพรรดิในสมัยโรมัน สิ่งที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่คือซากปรักหักพังของความยิ่งใหญ่หรูหราฟู่ฟ่า ที่เราสารถรับรู้ได้ถึงความอลังการในอดีต ที่นี่จะเป็นบ้านพักที่จกรพรรดิใช้พักผ่อน จะเห็นได้ว่ามีโซนสปา ซาวน่า สวน และบ่อน้ำ เราเดินเล่นดูรอบๆแบ้วอยากย้อนกลับไปในอดีตมาก อยากดูว่าในสมัยนั้นจะสวยงามขนาดไหน
บ่อน้ำที่จักรพรรดิสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงคนรักที่จากไป
เราเข้ามาเดินเล่นใน Tivoli ต่อ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ นักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมาก เดินถ่ายรูปเล่นในเมืองสบายๆ
อยู่ในใจกลาง Tivoli เลย เป็น Villa อีก 1 แห่งในเมืองนี้ที่เป็นมรดกโลก ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องของน้ำพุ คือ Villa ที่นี่มีน้ำพุ 100 กว่าอัน เยอะมากและสวยมากๆ เรารู้สึกว่าที่นี่สวยมากและ โรแมนติกเหมือนกันถ้าจะพาใครมาเดินเล่นในวิลล่าแห่งนี้
น้ำพุที่นี่มีเยอะมากๆ เค้าบอกว่าใช้แรงโน้มถ่วง และแรงดีนน้ำไหลจากด้านบนลงไปด้านล่าง มีทางน้ำเดินจากวิลล่าด้านบนสุดลงไปล่างสุด อันนี้เราลองเดินดูแล้วอเมซิ่งมาก
วิวด้านบนจากวิลล่า จะเห็นวิวเมือง Tivoli เกือบทั้งเมือง
เรากลับจาก Tivoli มาถึง Rome เย็นๆหน่อย เดินเล่นดูเมืองใน Rome แบบตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน วันนั้นท้องฟ้าและแสงอาทิตย์เป็นสีทอง สาดไปทั่วเมือง เป็นการมาโรมครั้งแรกที่เวลาอยู่ที่นั่นน้อยมากๆ แต่เป็น magical hour ที่ทำให้เราจดจำ Rome ในแบบเหมือนฝันไปเลย ต้องหาเวลากลับไป Rome อีกอย่างแน่นอน
แวะไป โคลอสเซียม สัญลักษณ์ของโรมสักหน่อย คิดถ่ายรูปที่จุดนี้กันเยอะมากๆ ให้ระวังกระเป๋าด้วยนะทุกคน ตอนเราไปเค้ากำลังปรับปรุงอยู่ แต่ก็สวยยิ่งใหญ่มากๆกว่าในรูป
ก่อนที่จะลงใต้ไปเรื่อยๆเราผ่านเมือง Naples หรือ Napoli เมืองต้นกำเนิดพิซซ่า เลยแวะเรียนทำ พิซซ่าจากเมืองต้นกำเนิดกันครึ่งวันที่ Vera Pizza เรียนตั้งแต่ขั้นตอนการผสมแป้ง นวดแป้ง แต่งหน้าและเอาเข้าเตา ทุกขึ้นตอนการทำจริงๆ จริงๆแล้วมันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ อยู่ที่ความใส่ใจในรายละเอียดแต่ละขั้นตอน
ใครอยากเรียนดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.pizzanapoletana.org/en/
จาก Naples เราไปต่อกันที่ Pompeii เมืองโบราณที่ถูกฝั่งอยู่ในลาวานานกว่าเกือบ 2,000 ปี ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากๆ เราว้าวมากเหมือนกัน เพราะเค้าค้นพบเมืองทั้งเมืองที่ถูกฝั่งอยู่ แล้วขุดไปเรื่อยๆ จนทำให้เห็นร่องรอยแห่งอดีตที่เกิดขึ้นเกือบ 2,000 ปีที่แล้ว แบบเป็นเมือง มีถนนหิน ซ่อง ตลาด ซ่าวน่าบ่อน้ำต่างๆ ถ้าคนอินประวัติศาสตร์มากคือต้องน้ำตาไหล เพราะเราไม่ได้อินมากก็คืออึ้งไปเลย ไม่คิดว่าทุกอย่างในอดีตจะสวยงามมากขนาดนี้ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่อยากให้เราย้อนอดีตกลับไปดู
หลังจากเดินเมืองโบราณ ปอมเปอี เสร็จก็บ่ายๆแล้ว เราเลยมาแวะดื่มไวน์ที่ ไร่ไวน์ Bosco de Medici ที่อยู่ในเมือง ปอมเปอีนั่นแหละ ไวน์ที่นี่จะมีความพิเศษตรงที่องุ่นปลูกบนดินภูเขาไฟ
เป็น Wine testing ที่อิ่มมากๆเพราะได้ทานแบบ Apertivo ด้วยเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เราได้ชิมหลายอย่างเลย ก่อนเวลาอาหารเย็น แต่เราก็คืออิ่มไปถึงเย็นแบบไม่ต้องทานอะไรเพิ่มไปเลย แฮปปี้กับไวน์และอาหารมาก
เป็น Wine testing ที่อิ่มมากๆเพราะได้ทานแบบ Apertivo ด้วยเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เราได้ชิมหลายอย่างเลย ก่อนเวลาอาหารเย็น แต่เราก็คืออิ่มไปถึงเย็นแบบไม่ต้องทานอะไรเพิ่มไปเลย แฮปปี้กับไวน์และอาหารมาก
เข้าวันต่อมาเราออกจาก Sorrento กันเช้าตรู่เพื่อจะไปชมพระราชวัง Caserta ในเมือง Caserta เป็นวังที่จัดอยู่ในมรดกโลกด้วย ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ นี่ขนาดแค่ทางเข้าวังด้านหน้านะ
ด้านในตกแต่งด้วยหินอ่อนเต็มไปหมด มีหินอ่อนหลายเฉดสีมาก
เป็นสวนหลังวัง ที่เราสามารถเดินได้จนสุด เค้ามีรถม้าให้นั่งด้วยต้องจ่ายเงิน เข้ากับบรรยากาศมากๆ
ใน Caserta มีอีกที่นึงที่น่าสนใจคือ Aqueduct of Vanvitelli เป็นสะพานส่งน้ำจากเข้าลูกนึงผ่านเขาอรกลูก ไปให้พระราชวัง Caserta อะ อลังการมากจริงๆ แต่นี่ที่จะอยู่บนถนนรถผ่านทั่งไปเลย แบบต้องขับรถมาเอง ถึงจะแวะได้ เราชอบที่นี่มากเพราะโครงสร้างสวย และแสดงถึงความรุ่งเรื่องในสมัยโบราณ คือเค้าทำได้อย่างไร ชอบอาร์คโค้งนี้มากๆ inspired มาก
พาร์ทต่อไปเราจะพาลงใต้ไปเรื่องเรื่อยคราวนี้ไปทะเลแล้ว แล้วไปเมืองที่เหมือนอยู่ในเทพนิยายด้วย รออ่านพาร์ทต่อไปกันนะครับ